ไหน ๆ ก็ หัดทำ "ปลาตะเพียนสาน" กันแล้ว ก็น่าจะรู้ประวัติความเป็นมา และที่สำคัญ "ส่วนประกอบเครื่องแขวนปลาตะเพียนใบลาน" กันสักหน่อย ถ้าสนใจเราจะได้ลงวิธีทำส่วนที่ทำไม่ยากเกินไป มาให้ลองทำกันอีกไง สนใจปะ..
ปลาตะเพียนสานด้วยใบลาน เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ทำขึ้นในหมู่ชาวบ้านชาวไทยมุสลิมซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานกันว่า ปลาตะเพียนสานด้วยใบลานคงเริ่มทำกันที่นี่โดยชาวไทยมุสลิมรุ่นเก่า ซึ่งล่องเรือค้าขายเครื่องเทศอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็ทำสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เรียกว่าพอพูดถึง ปลาตะเพียนสาน ปุ๊ป ก็นึกถึง อยุธยา ปั๊ปเลยใช่มะล่ะ
ผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าต่อๆกันมาว่า แต่เดิม ชาวบ้านเรียกปลาตะเพียนสานด้วยใบลานว่า ปลาใบลานบ้าง ปลาโบราณบ้าง ต่อมาจึงค่อยเรียกชื่อเต็มตามวัสดุที่ใช้ทำว่า ปลาตะเพียนใบลาน แต่ก่อน ปลาตะเพียนใบลานสาน ก็มีขนาดแค่ 2– 3 นิ้ว ไม่มีสีสัน แล้วค่อยเิริ่มทาสี ด้วย วัสดุตามธรรมชาติ เรียกว่า รงค์ ผสมกับ น้ำมันวานิช แล้วนำไปเสียบไม้สำหรับห้อยแขวนเลย ต่อมาก็ใช้ผงสีผสม แล้วนำใบลานย้อมสีมาสาน แต่สีที่ได้ไม่คงทน ไม่เงามัน สดใส เหมือนในปัจจุบันที่เขียนลวดลายด้วยสีน้ำมัน แล้วก็ไม่มีเครื่องประกอบมากมายเหมือนปัจจุบันด้วย
คนโบราณมักแขวน ปลาตะเพียนสาน ไว้เหนือเปลเด็ก โดยเชื่อว่าถ้าแขวนปลาตะเพียนไปทางหัวนอนมากจะทำให้เด็กมีนัยน์ตาช้อนขึ้น เพราะถูกแม่ซื้อมารบกวน ซึ่งจริง ๆ แล้วเราว่านะ เป็นอุบายเพื่อให้แขวนไว้ในตำแหน่งที่ถูกสุขลักษณะ คือ ให้แขวนให้พอดีกับระดับที่สายตาเด็กจะมองเห็นได้ตรงๆ ไม่ค่อนไปทางหัวหรือค่อนไปทางปลายเท้า ซึ่งอาจทำให้นัยน์ตาเด็กไม่ปกติ เพราะเด็กจะมองปลาตะเพียนแขวนนั้นนานๆ
การแขวนพวงปลาตะเพียนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน ก็เพราะคนไทยถือว่าปลาตะเพียนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ก็อยากให้เด็กโตขึ้น มีฐานะมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ ดุจปลาตะเพียนในฤดูข้าวตกรวง
บ้างก็เชื่อว่าเป็นเคล็ดที่จะทำให้ลูกหลานโตเร็วๆ และมีลูกหลานมากมายเหมือนปลาตะเพียนที่แขวนไว้ก็ได้ เพราะคนสมัยก่อนชอบที่จะมีลูกหลานวิ่งเล่นเต็มบ้าน จะได้ใช้แรงงานได้ ต่างกับสมัยปัจจุบัน..ก็แตกต่างไปตามยุคสมัยล่ะเนอะ..
ถึงเดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยมีคนเอามาผูกเหนือเปลเด็แล้ว แต่ก็ยังเป็นธุรกิจการค้าที่ทำรายได้ให้แก่ ชาวบ้านด้วย คือ ซื้อไปประดับตกแต่งบ้าน เป็นของที่ระลึกส่งออกต่างประเทศ แล้วยังนำไปเป็นของเซ่นไหว้เพื่อการแก้บนได้อีกนะ...แต่ถ้าจะแยกกลุ่ม ก็คงมีปลาตะเพียนสาน ๒ ชนิด คือ
เกริ่นไว้นิด ๆ ว่า จะมีทั้งพวงเป็นระย้ามาเลย แบบข้างล่างนี้น่ะ
แล้วถ้ามีโอกาสก็อุดหนุนฝีมือชาวบ้านหน่อยนะ เพราะข่าวว่าบางแห่งก็คนทำน้อยลงแล้ว ถึงขนาดหน่วยราชการบางแห่งเกรงว่าจะสูญไป ยังดีที่ โอทอป เดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามีการขายออนไลน์แล้ว มีระบุเลยพวงนึงขนาดเท่าไหร่ มีลูกกี่ตัว ^ ^ เค้าบอกว่า "รับรองความประทับใจ เนื่องจากหาซื้อได้ยากแล้วในปัจจุบัน" ไม่เชื่อก็ลองค้นดูใน Google ก็ได้ ตามด้านล่าง
คำหลักเพื่อค้นข้อมูลเพิ่ม :
ปลาตะเพียนสานด้วยใบลาน เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ทำขึ้นในหมู่ชาวบ้านชาวไทยมุสลิมซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานกันว่า ปลาตะเพียนสานด้วยใบลานคงเริ่มทำกันที่นี่โดยชาวไทยมุสลิมรุ่นเก่า ซึ่งล่องเรือค้าขายเครื่องเทศอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็ทำสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เรียกว่าพอพูดถึง ปลาตะเพียนสาน ปุ๊ป ก็นึกถึง อยุธยา ปั๊ปเลยใช่มะล่ะ
ผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าต่อๆกันมาว่า แต่เดิม ชาวบ้านเรียกปลาตะเพียนสานด้วยใบลานว่า ปลาใบลานบ้าง ปลาโบราณบ้าง ต่อมาจึงค่อยเรียกชื่อเต็มตามวัสดุที่ใช้ทำว่า ปลาตะเพียนใบลาน แต่ก่อน ปลาตะเพียนใบลานสาน ก็มีขนาดแค่ 2– 3 นิ้ว ไม่มีสีสัน แล้วค่อยเิริ่มทาสี ด้วย วัสดุตามธรรมชาติ เรียกว่า รงค์ ผสมกับ น้ำมันวานิช แล้วนำไปเสียบไม้สำหรับห้อยแขวนเลย ต่อมาก็ใช้ผงสีผสม แล้วนำใบลานย้อมสีมาสาน แต่สีที่ได้ไม่คงทน ไม่เงามัน สดใส เหมือนในปัจจุบันที่เขียนลวดลายด้วยสีน้ำมัน แล้วก็ไม่มีเครื่องประกอบมากมายเหมือนปัจจุบันด้วย
คนโบราณมักแขวน ปลาตะเพียนสาน ไว้เหนือเปลเด็ก โดยเชื่อว่าถ้าแขวนปลาตะเพียนไปทางหัวนอนมากจะทำให้เด็กมีนัยน์ตาช้อนขึ้น เพราะถูกแม่ซื้อมารบกวน ซึ่งจริง ๆ แล้วเราว่านะ เป็นอุบายเพื่อให้แขวนไว้ในตำแหน่งที่ถูกสุขลักษณะ คือ ให้แขวนให้พอดีกับระดับที่สายตาเด็กจะมองเห็นได้ตรงๆ ไม่ค่อนไปทางหัวหรือค่อนไปทางปลายเท้า ซึ่งอาจทำให้นัยน์ตาเด็กไม่ปกติ เพราะเด็กจะมองปลาตะเพียนแขวนนั้นนานๆ
การแขวนพวงปลาตะเพียนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน ก็เพราะคนไทยถือว่าปลาตะเพียนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ก็อยากให้เด็กโตขึ้น มีฐานะมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ ดุจปลาตะเพียนในฤดูข้าวตกรวง
บ้างก็เชื่อว่าเป็นเคล็ดที่จะทำให้ลูกหลานโตเร็วๆ และมีลูกหลานมากมายเหมือนปลาตะเพียนที่แขวนไว้ก็ได้ เพราะคนสมัยก่อนชอบที่จะมีลูกหลานวิ่งเล่นเต็มบ้าน จะได้ใช้แรงงานได้ ต่างกับสมัยปัจจุบัน..ก็แตกต่างไปตามยุคสมัยล่ะเนอะ..
ถึงเดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยมีคนเอามาผูกเหนือเปลเด็แล้ว แต่ก็ยังเป็นธุรกิจการค้าที่ทำรายได้ให้แก่ ชาวบ้านด้วย คือ ซื้อไปประดับตกแต่งบ้าน เป็นของที่ระลึกส่งออกต่างประเทศ แล้วยังนำไปเป็นของเซ่นไหว้เพื่อการแก้บนได้อีกนะ...แต่ถ้าจะแยกกลุ่ม ก็คงมีปลาตะเพียนสาน ๒ ชนิด คือ
- ชนิดลวดลายและตกแต่งสวยงาม ซึ่งเริ่มประดิษฐ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วค่อยพัฒนามาเรื่อย ๆ ทั้งลงสี แล้วยังเขียนลวดลายลงบนตัวปลาตะเพียน โดยประยุกต์มาจากลายผ้านุ่ง ลายเสื่อน้ำมัน และลายตามจินตนาการของตนเอง มีการตกแต่งพวงปลาตะเพียนด้วยอุปกรณ์สำเร็จรูปต่าง ๆ ตามสมัยนิยม เช่น ลูกปัด ดอกรัก และการฉลุลายใบลาน เป็นต้น
- ชนิดที่เป็นเพียงสีใบลานตามธรรมชาติ จากประสบการณ์ของแจมนะ เคยไปคุยกับคนที่เค้าสานสัตว์ต่าง ๆขายแถวสนามหลวง เค้าบอกว่าถ้าเป็นต่างชาติ เค้าจะนิยมใบลานตามธรรมชาติ ไม่ต้องลงสีอะไรหรอก แต่คนไทยคงเห็นจนเบื่อ ก็จะสนใจพวกที่มีการตกแต่งเพิ่มขึ้น คือ ให้ดูรู้สึกว่าต้องใช้ฝีมือเพิ่ม ไม่ดูพื้น ๆ เหมือนที่เคยเห็นจนชิน (มั้ง...)
เกริ่นไว้นิด ๆ ว่า จะมีทั้งพวงเป็นระย้ามาเลย แบบข้างล่างนี้น่ะ
แล้วถ้ามีโอกาสก็อุดหนุนฝีมือชาวบ้านหน่อยนะ เพราะข่าวว่าบางแห่งก็คนทำน้อยลงแล้ว ถึงขนาดหน่วยราชการบางแห่งเกรงว่าจะสูญไป ยังดีที่ โอทอป เดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามีการขายออนไลน์แล้ว มีระบุเลยพวงนึงขนาดเท่าไหร่ มีลูกกี่ตัว ^ ^ เค้าบอกว่า "รับรองความประทับใจ เนื่องจากหาซื้อได้ยากแล้วในปัจจุบัน" ไม่เชื่อก็ลองค้นดูใน Google ก็ได้ ตามด้านล่าง
คำหลักเพื่อค้นข้อมูลเพิ่ม :
- ใบลานที่ใช้ในการสานปลาตะเพียน
- ปลาตะเพียนสานใบลาน (เลือกสีได้)
- ยาว 40 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว (ตัวลูก 9 ตัว) ราคา
- ยาว 12 นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว (ตัวลูก 6 ตัว) ราคา
แหล่งข้อมูล : โอเคเนชั่น สนง.เลขาธิการสภาการศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น